วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ข้อเข่าเสื่อม พฤติกรรมอย่างไร ทำร้ายข้อเข่า

ข้อเข่าเสื่อม พฤติกรรมอย่างไร ทำร้ายข้อเข่า 

ข้อเข่าเสื่อมนอกเหนือจากเสื่อมตามวัยแล้ว ยังเกิดจากการที่เราไม่เริ่มต้นดูแลเข่าของเรา ด้วยการมีพฤติกรรมที่ทำร้ายข้อเข่าจากจุดน้อยๆ แค่ปวดเมื่อย จนเสื่อมเสียสภาพมากขึ้นๆ และเกิดอาการเป็นโรคไขข้อเมื่อสูงอายุมากขึ้น เรามีคำแนะนำในการป้องกันการเสื่อมสภาเข่า และท่าบริหารในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม เพื่อบรรเทาอาการและชะลอการเสื่อมไม่ให้เจ็บป่วยอีกต่อไป

พฤติกรรมอย่างไร ทำร้ายข้อเข่า 

1.คนที่ชอบนั่งงอเข่า ขัดสมาธิ พับเพียบ หรือนั่งยอง ๆ เป็นประจำ จะเพิ่มแรงอัดภายในข้อเข่า ซึ่งจะรบกวนการนำอาหารไปสู่เซลล์กระดูกอ่อนผิวข้อ โรคข้อเข่าเสื่อมนี้ เริ่มจากการสึกหรอของกระดูกอ่อนผิวข้อโดยตรง และเมื่อเป็นมากขึ้นการสึกหรอจะลามไปยังองค์ประกอบอื่นของข้อเข่า เช่น ชั้นใต้กระดูกอ่อนซึ่งเป็นกระดูกแข็ง จะเกิดถุงน้ำข้างใต้กระดูก หมอนรองเข่าสึก เอ็นหุ้มข้อเข่าหนาตัวขึ้น มีกระดูกงอกบริเวณปลายกระดูก เป็นต้น

2.กรณีน้ำหนักตัวมากเกินก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่เร่งให้เกิดอาการข้อเสื่อมเร็วขึ้น เพราะข้อเข่าต้องรับน้ำหนักตัวตลอดเวลาที่ใช้งานข้อ ไม่ว่าจะเป็นการยืน เดิน หรือขึ้นลงบันไดก็ตาม

3.การใส่รองเท้าส้นสูง จะทำให้ข้อเข่ามีแรงกดทับมากกว่าปกติ ทั้งยังทำร้ายข้อบริเวณโคนนิ้วหัวแม่เท้า เพราะเป็นอวัยวะที่ต้องรับน้ำหนักก่อนจุดอื่น ๆ ซึ่งเป็นจุดที่รับน้ำหนักได้ง่าย และหากคนที่ข้อเข่าไม่แข็งแรง หรือมีโครงสร้างร่างกายผิดปกติ จะมีผลกระทบมากกว่าคนปกติ

อาการข้อเสื่อม

ในระยะแรก จะสังเกตว่ามีเสียงดังขณะขยับข้อไปมา บางรายมีอาการข้อฝืดโดยเฉพาะเวลานั่งนาน ๆ หรือขณะเปลี่ยนอิริยาบถ จะเสมือนข้อถูกล็อกไว้ ต้องขยับไปมาสัก 2-3 ครั้ง จึงเหยียดเข่าออกได้ บางรายมีข้อบวมโต หรือมีบวมแดง มีน้ำภายในข้อ ซึ่งบ่งถึงการอักเสบที่เป็นมากขึ้นนั่นเอง ในรายที่เป็นมากอาจพบข้อติด ขยับไม่ได้เต็มที่ หรืออาจพบกล้ามเนื้อขาลีบเล็กลงกว่าข้างปกติ เป็นต้น

บริหารกล้ามเนื้อข้อเข่าเพื่อเพิ่มความแข็งแรง

การออกกำลังกายหรือกายบริหารนั้น ช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยเน้นกล้ามเนื้อหน้าขาหรือกล้ามเนื้อเหยียดเข่าเป็นหลัก ท่าบริหารข้างล่างนี้เริ่มจากง่ายไปยาก ดังนี้

ท่าบริหารในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม

ท่าที่ 1 ท่านอนเหยียดเข่า

เป็นท่าบริหารกล้ามเนื้อหน้าขา นอนหงายให้หมอนใบเล็กๆ หนุนใต้เข่าให้เข่างอเล็กน้อย เหยียดให้เข่าตรงที่สุด เกร็งไว้ 10 วินาที ทำทีละข้าง ข้างละ 20 ครั้ง ท่านี้เหมาะกับคนที่ปวดหรือมีการอักเสบของเข่า เมื่อ ทุเลาแล้ว ใช้หมอนรองให้เข่างอมากขึ้น หรืออาจใช้ถุงทรายหรือน้ำหนักถ่วงเพิ่มประมาณ 1-2 กิโลกรัมบริเวณข้อเท้าเพื่อเพิ่มความแข็ง แรงกล้ามเนื้อให้มากขึ้น ถ้าใช้ถุงทรายแล้วมีอาการปวดข้อเข่ามากขึ้นให้งดการใช้ถุงทราย แล้วปรึกษานักกายภาพบำบัด

ท่าที่ 2 ท่านอนคว่ำงอเข่า

เป็นท่าบริหารกล้ามบริหารกล้ามเนื้อหลังขา โดยนอนคว่ำ งอข้อเข่าข้างที่เคยปวด หรืองอไม่ได้เข้ามาให้มากที่สุด เกร็งไว้ 10 วินาที แล้วเหยียดออก ทำทีละข้าง ข้างละ 20 ครั้ง และอาจใช้ถุงทรายถ่วงเพิ่มน้ำหนักแรงต้านที่ข้อเท้าได้เช่นกัน ถ้าใช้ถุงทรายประมาณ 1-2 กิโลกรัมแล้วมีอาการปวดข้อเข่ามากขึ้นให้งดการใช้ถุงทราย แล้วปรึกษานักกายภาพบำบัด

ท่าที่ 3 ท่าย่อตัวลงนั่ง

ให้ยืนหันหลังให้ขาชิดขอบเก้าอี้หรือฝาผนัง ค่อยๆ ย่อเข่าทั้งสองลงนั่งแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ทำช้าๆ หรืออาจหยุดเกร็งค้างไว้ที่ช่วงใดช่วงหนึ่ง เมื่อทำได้ดีแล้วให้เปลี่ยนเก้าอี้ให้เตี้ยลงเรื่อยๆ ทำท่าละ 20ครั้ง

ท่าที่4 ท่านั่งเก้าอี้แล้วเหยียดเข่า

ให้ผู้ป่วยนั่งเก้าอี้ แล้วจากนั้นค่อยๆเหยียดเข่าให้ตรง พร้อมกับกระดกข้อเท้าขึ้นค้างไว้ 10 วินาทีจากนั้นค่อยๆวางขาลงสู่ตำแหน่งเดิม ทำทีละข้าง ข้างละ 20 ครั้ง

การบริหารทุกท่าให้เริ่มทำจากน้อยไปมาก โดยทำชุดละประมาณ 20-30 ครั้ง วันละ 2-3 ชุด เป็นอย่างน้อย ค่อย ๆ เพิ่มตามความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบเข่าของแต่ละคน จนได้ประมาณ 100 ครั้งต่อวัน

ใช้ข้อเข่าอย่างถูกวิธี

การใช้ข้ออย่างถูกวิธี จะช่วยถนอมข้อเข่าให้สามารถใช้งานได้นานขึ้น ชะลอความเสื่อม ซึ่งวิธีการนั้นตรงข้ามกับพฤติกรรมซึ่งทำร้ายข้อนั่นเอง กล่าวคือ

• ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้มากเกิน

• เลี่ยงกิจกรรมที่ต้องงอเข่า พับเพียบ ขัดสมาธิ หรือการนั่งยอง ๆ

• ขึ้นลงบันไดเท่าที่จำเป็น หากอยู่บ้านชั้นล่างได้จะเป็นการดีมาก ไม่ต้องขึ้นลงบ่อย ๆ

• เลือกประเภทของการออกกำลังกายที่ไม่มีผลร้ายต่อข้อเข่า เช่น การเดิน การปั่นจักรยาน หรือการออกกำลังกายในน้ำ เป็นต้น

• หมั่นบริหารกล้ามเนื้อรอบเข่าให้แข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดแรงกระทำต่อข้อได้

• ใช้สนับเข่าเท่าที่จำเป็น มักเลือกใช้ในรายที่ข้อเสียความมั่นคง แต่หากข้อยังมีความมั่นคงอยู่ การใช้สนับเข่า อาจทำให้กล้ามเนื้อโดยรอบเข่าอ่อนแรงได้

• หากมีอาการเจ็บข้อเข่ามากอย่างเฉียบพลัน อาจถือร่มหรือไม้เท้าในด้านตรงข้ามกับขาที่เจ็บ จะช่วยลดแรงกระทำต่อข้อ และลดอาการปวดได้





แหล่งข้อมูลและรูปประกอบ

• physicalagency.com
• Rama Channel True Visions 80 "พฤติกรรมทำร้ายข้อเข่า จนทำให้เกิดข้อเข่าเสื่อม"
http://www.oknation.net/blog/DIVING/2013/07/03/entry-2

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อ่านซะหน่อยเพื่อ ความปลอดภัย

อ่านซะหน่อยเพื่อ ความปลอดภัย



ตำรวจชาวออสเตรเลียได้เขียนสิ่งนี้ขึ้นเพื่อผู้หญิงทุกคน นั่นเป็นเพราะว่าการลักพาตัวครั้งล่าสุดเกิดขึ้นกลางวันแสกๆ
ตั้งสติให้ดีก่อนจะทำการอะไรหากคุณกำลังอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินข้อความนี้สำหรับตัวของคุณเองและเพื่อให้คุณได้แบ่งปันให้กับภรรยา ลูก หรือทุกๆ คนที่คุณรู้จัก
1. เคล็ดลับจากวิชาเทควันโด 
ข้อศอกเป็นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างกายของมนุษย์ หากคุณอยู่ใกล้คนร้ายในระยะที่จะใช้มันได้....จงใช้มันซะ!
2. เคล็ดลับจากสมุดแนะนำนักท่องเที่ยว
ถ้าคนร้ายต้องการกระเป๋าเงินหรือของมีค่าของคุณ อย่ายื่นให้กับเขา จงโยนกระเป๋าเงินของคุณไปให้ไกลจากตัวเอง..
โอกาสที่คนร้ายจะสนใจกระเป๋าเงินของคุณนั้นมีมากกว่าที่จะสนใจคุณและนั่นจะทำให้เขาต้องไปหยิบกระเป๋าเงินที่อยู่ห่างจากตัวคุณ
ตอนนี้แหละ จงวิ่งไปอีกทิศทางหนึ่งให้เร็วที่สุด
3. ถ้าคุณเกิดถูกลากหรือโยนเข้าไปในท้ายรถของคนร้าย
สิ่งที่คุณควรทำคือให ้ถีบไฟท้ายจนหลุดออกมา ยื่นแขนของคุณออกมาจากช่อง แล้วเริ่มโบกมืออย่างบ้าคลั่ง
คนขับไม่เห็นสิ่งที่คุณทำ แต่คนอื่นจะเห็น วิธีนี้ได้ช่วยหลายต่อหลายชีวิตมาแล้ว..
4. คุณผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะนั่งอยู่บนรถเฉยๆ หลังจากช้อปปิ้ง เที่ยว กิน หรือ ทำงานเพื่อจะแต่งหน้า เช็คโทรศัพท์ ฯลฯ
!!!ห้ามทำเป็นอันขาด!!! 
คนร้ายจะคอยเฝ้าดูพฤติกรรมของคุณ และสิ่งที่คุณทำเป็นการเปิดโอกาสอันเหมาะสมเพื่อให้เขาเข้ามาทางที่นั่งข้างคนขับ
และเอาปืนจ่อหัวคุณเพื่อจะให้คุณขับไปตามทางที่เขาต้องการ
เพราะฉะนั้น....ทันทีที่คุณขึ้นรถ จงล็อคประตู และรีบออกรถซะ........ 
 
แต่ถ้าเกิด.... คนร้ายอยู่บนรถกับคุณและเอาปืนจ่อขมับคุณไว้
อย่าขับรถออกไปตามที่เขาบอก ย้ำ: อย่าขับรถออกไปตามที่เขาบอก 

สิ่งที่คุณควรทำคือ 
เหยียบคันเร่งให้เร็วที่สุด ขับพุ่งใส่กำแพงหรือสิ่งกีดขวางในละแวกนั้น 
ถุงลมนิรภัยฝั่งคุณจะช่วยชีวิตคุณไว้ (เช่นเดียวกับฝั่งคนร้ายหากคนร้ายนั่งเบาะหน้า) (หากคนร้ายนั่งอยู่เบาะหลัง ขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส)
แต่ทันใดที่รถของคุณชน ให้รีบถอนตัวออกมา(จากถุงลมนิรภัย)แล้ววิ่งออกจากรถสุดแรงเกิด
วิธีนี้จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นตรงที่คุณสามารถวิ่งเข้าหากลุ่มคนเพื่อขอความช่วยเหลือได้
หากคุณออกรถไปที่ไกลๆ ตามเส้นทาง/สถานที่ที่คนร้ายบอกจะทำให้คนร้ายตามตัวคุณได้ง่าย เพราะคุณไม่รู้จักสถานที่นั้นดีเท่าเขา
5. ข้อแนะนำสำหรับการเดินไปที่รถของคุณ ในลาน/โรงจอดรถ
ก.) จงระวัง: มองไปรอบๆ ตัวของคุณ มองเข้าไปในรถของคุณ มองลอดไปบนพื้นฝั่งที่นั่งข้างคนขับ และเบาะหลัง
ข.) ถ้ารถของคุณมีรถตู้จอดอยู่ข้างๆ ให้ขึ้นรถทางฝั่งผู้โดยสารข้างคนขับคนร้ายจะจู่โจมเหยื่อของมันโดยการฉุด
ขึ้นรถตู้ในขณะที่เหยื่อกำลังจะเปิดประตูขึ้นรถเพราะฉะนั้นรถตู้น่าสงสัยเหล่านี้จึงมักที่จะจอดอยู่ฝั่งคนขับ
ค.) ให้มองไปที่รถที่จอดอยู่ข้างๆ คุณทั้งสองข้างของรถ ถ้าเจอผู้ชายนั่งอยู่คนเดียวในฝั่งที่อยู่ใกล้รถของคุณมากที่สุด
สิ่งที่คุณควรทำคือเดินกลับเข้าไปในห้างหรือออฟฟิตเพื่อขอให้ยาม รปภ. หรือตำรวจเดินมากับคุณเพื่อส่งคุณขึ้นรถ
ไม่ต้องไปคิดมากกว่าคนอื่นหรือตำรวจจะมองคุณโรคจิตหรือเปล่า
เพราะการระมัดระวังเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในสถานการณ์อันน่าสงสัยนั้น
จงตระหนักอยู่เสมอว่า ปลอดภัยไว้ก่อน...
6. จง ใช้ลิฟต์ตลอดแทนที่จะใช้บันใด
เพราะบันใดเป็นสถานที่ที่แย่ที่สุดที่ผู้หญิงจะอยู่คนเดียวมันเป็นที่ๆ เพอร์เฟคสำหรับคนร้ายและน่ากลัวเป็นอย่างยิ่งในยามวิกาล
7.  ถ้าคนร้ายมีปืน...
แต่คุณไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา จงวิ่ง!! เพราะโอกาสที่คนร้ายจะยิงถูกคุณมีเพียง ครั้งใน 100 ครั้งเท่านั้น (เป้าวิ่ง)
และเป็นไปได้สูง ว่าจะไม่โดนอวัยวะสำคัญ วิ่งงงงงงง!! โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...การวิ่งซิกแซก
8. จุดอ่อนของผู้หญิงส่วนใหญ่คือ ขี้สงสาร ขี้เห็นใจ จงหยุดซะ
เท็ด บันดี้ เป็นฆาตรกรหน้าตาดี และการศึกษาสูง เขาใช้จุดอ่อนข้อนี้ของผู้หญิงเพื่อลวงมาฆ่าเสมอ
เพราะฉะนั้นจงมีเหตุมีผล ดูสถานการณ์ด้วยความระมัดระวังจงช่างสังเกต หากพบข้อสงสัยแม้เพียงข้อเดียว
ก็ควรจะลีกเลี่ยงบุคคลนั้นๆ ให้เร็วที่สุด
9. เรื่องที่ควรตระหนักอีกข้อ:
เพิ่งจะมีคนมาเล่าให้ฉันฟังว่า เพื่อนสาวของได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กตอนกลางคืน และเธอก็คาดว่าเสียงนั่นดังมาจากระเบียงบ้านของเธอ เธอเลือกที่จะโทรแจ้งตำรวจแทนที่จะออกไปดูด้วยตัวเอง นั่นเป็นเพราะว่าเธอมีลางสังหรณ์ว่านั่นอาจจะเป็นกลลวง และตำรวจก็สั่งกับเธอว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามเปิดประต เด็ดขาด
เธอจึงเล่าให้ตำรวจฟังอีกว่าเสียงนั่นฟังดูเหมือนว่าเด็กนี่ได้คลานมาใกล้หน้าต่างของและเธอก็เป็นกังวลว่าถ้าหากเด็กคนนี้
คลานออกไปถึงถนนก็จะถูกรถชน 
ตำรวจจึงสั่งเธอว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างทางไปบ้านเธอแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ห้ามเปิดประตูเด็ดขาดไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรหรือเกิดอะไรขึ้น ตำรวจย้ำถึงสามรอบ
ตำรวจเล่าให้เธอฟังต่อว่าพวกเขาคิดว่าน่าจะเป็นฆาตรกรที่ใช้วิธีเปิดเทปเสียงเด็กร้องไห้เพื่อจะหลอกหล่อให้ผู้หญิงออกจากบ้านมาดู โดยที่ฆาตรกรหวังใช้จุดอ่อนของผู้หญิงคือ ความขี้เห็นใจ ขี้สงสาร นั่นเอง แต่ทางตำรวจก็ยังจับตัวฆาตรกรกลุ่มนี้ไม่ได้ ก่อนหน้านี้ก็มีการโทรมาแจ้งและได้เล่าเรื่องเดียวกัน คือได้ยินเสียงเด็กมาจากนอกบ้าน หน้าต่าง หน้าประตู เวลากลางคืน และทุกสายที่โทรมาแจ้งล้วนแต่เป็นผู้หญิงที่อยู่บ้านคนเดียวทั้งสิ้น
10. ถ้าคุณตื่นขึ้นมากลางดึกและได้ยินเสียงเหมือนว่าก๊อกน้ำถูกเปิดอยู่หรือท่อน้ำของคุณแตกนอกบ้าน ห้ามออกไปเดินสำรวจเด็ดขาด! เพราะมีคนกลุ่มนึงจะเข้าไปเปิดก๊อกน้ำบ้านคุณให้สุดเพื่อให้คุณได้ยินและออกมานอกบ้าน นั่นคือเวลาที่พวกเขาจะโจมตีคุณ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.the-than.com/saranalu/S1/11.html  By Preechacahn Maneechoti

***เบอร์โทรติดต่อสถานีขนส่ง (บขส.)***

เบอร์โทรติดต่อสถานีขนส่ง (บขส.)



สถานีขนส่งโทร
แจ้งเรื่องราวร้องทุกข์ ริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) 1508 , 0-2936-2852-66
ตารางเวลาเดินรถ บขส. ภาคกลาง 0-2537-8055
ตารางเวลาเดินรถ บขส. ภาคเหนือ 0-2936-3670
ตารางเวลาเดินรถ บขส. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 0-2936-0657
ตารางเวลาเดินรถ บขส. ภาคตะวันออก 0-2391-6846
ตารางเวลาเดินรถ บขส. ภาคใต้ 0-2435-1199
ที่ทำการสถานีขนส่ง (บขส.) ภาคกลาง
กำแพงแสน 0-1874-3329
คลองลาน 0-5578-6343
โคกสำโรง 0-3641-3328
จุดจอดวังน้อย 0-1560-8917
ชัยนาท 0-5641-1125
ตาคลี 0-5626-1625
นครนายก 0-3731-4660
ปราจีนบุรี 0-3721-1292
เพชรบูรณ์ 0-5672-1581
รังสิต 0-2901-4556
ลพบุรี 0-3641-1088
ลำนารายณ์ 0-3646-1299
สระแก้ว 0-3724-1282
สระบุรี 0-3621-1810
สิงห์บุรี 0-3651-1064
สุพรรบุรี 0-3552-2373
อยุธยา 0-3533-5304
อรัญประเทศ 0-3723-1262
อ่างทอง 0-3565-5236
อุทัยธานี 0-5651-1058
ที่ทำการสถานีขนส่ง (บขส.) ภาคเหนือ
กำแพงเพชร 0-5579-9273
เขาทราย 0-5664-9116
เชียงใหม่ 0-5324-1449
เชียงราย 0-5371-1369
เชียงคำ 0-5441-6702
ตาก 0-5551-1057
เถิน 0-5429-1652
เทิง 0-5379-5488
น่าน 0-5471-0027
นครสวรรค์ 0-5622-2169
พิษณุโลก 0-5525-8055
พิจิตร 0-5661-1622
พะเยา 0-5443-1363
แพร่ 0-5451-1276
แม่สอด 0-5559-3949
แม่สาย 0-5364-6437
ลำพูน 0-5351-1173
ลำปาง 0-5421-7852
สวรรคโลก 0-5564-2037
สุโขทัย 0-5561-3296
อุตรดิตถ์ 0-5541-1940
ที่ทำการสถานีขนส่ง (บขส.) ภาคตะวันออก
จันทบุรี 0-3932-2197
ฉะเชิงเทรา 0-3851-4814
ชลบุรี 0-3828-2685
พัทยา 0-3823-1142
ระยอง 0-3861-1378
สัตหีบ 0-3843-7801
ตราด 0-3951-1986
ที่ทำการสถานีขนส่ง (บขส.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
กันทรลักษณ์ 045-661457
กาฬสินธุ์ 043-812513
ขอนแก่น 043-237300
ขุขันธ์ 045-671013
ชัยภูมิ 044-811493
ชุมแพ 043-312183
ด่านขุนทด 044-389049
เดชอุดม 045-361267
ธาตุพนม 042-541247
นครพนม 042-511403
นครราชสีมา 044-254964
นางรอง 044-631443
บ้านประโคนชัย 044-670220
บ้านไผ ่ 043-272696
บ้านแพง 042-591221
บุรีรัมย์ 044-615081
ปราสาท 044-551417
ปากช่อง 044-313750
โพนทอง 043-571499
ภูเขียว 044-861102
มหาสารคาม 043-711518
มุกดาหาร 042-611478
เมืองพล 043-414421
ยโสธร 045-712965
ร้อยเอ็ด 043-511466
รัตนบุรี 044-599297
เรณูนคร 042-579321
เลย 042-811706
วังสะพุง 042-841526
ศรีสะเกษ 045-612523
สกลนคร 042-712860
สตึก 044-681468
สุรินทร์ 044-515344
หนองคาย 042-412679
หนองบัวลำภู 044-361750
อุดรธานี 042-221489
อุบลราชธานี 045-241831
ที่ทำการสถานีขนส่ง (บขส.) ภาคใต้
กระบี่ 075-611804
กาญจนบุรี 034-511387
ชุมพร 077-502725
ตรัง 075-218718
ตะกั่วป่า 076-421686
ทับสะแก 032-671928
ท่าช้าง 035-578653
ทุ่งสง 075-411614
นครปฐม 034-256295
นครศรีธรรมราช 075-356781
นราธิวาส 073-511845
ประจวบคีรีขันธ์ 032-611228
ปัตตานี 073-348816
พังงา, จุดจอดโคกลอย 076-412014
พัทลุง 074-612070
เพชรบุรี 032-425307
ภูเก็ต 076-211480
ยะลา 073-213300
ระนอง 077-811548
ราชบุรี 032-321854
สตูล 074-711446
สมุทรสงคราม 034-716962
สมุทรสาคร 034-411046
สุพรรบุรี 035-522373
สุราษฏร์ธานี 077-200032
สุไหงโก-ลก 073-612045
หลังสวน 077-541210
หัวหิน 032-511230
หาดใหญ่ 074-232789


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.the-than.com/saranalu/S1/11.html  By Preechacahn Maneechoti

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

พลูคาวผักสารพัดสรรพคุณ

พลูคาวผักสารพัดสรรพคุณ




ชื่อวิทยาศาสตร์ Houttuynia cordata Thunb.

ชื่ออื่นๆ คาวตอง(ลำปาง,อุดร)คาวทอง(มุกดาหาร,อุตรดิตถ์)ผักก้านตอง(แม่ฮ่องสอน)ผักเข้าตอง,ผักคาวตอง,ผักคาวปลา(ภาคเหนือ)พลูคาว(ภาคกลาง) 
วงศ์ SAURURACEAE 
พลูคาวเป็นพืชสมุนไพรประจำถิ่นที่พบมากในแถบภาคเหนือของไทย ซึ่งถือเป็นพืชตระกูลเดียวกับพลู ชอบขึ้นในพื้นที่ชื้นแฉะ มีร่มเงาเล็กน้อยและสภาพอากาศเย็นชาวบ้านในเขตภาคเหนือจะเรียกว่า “ผักคาวตอง” เนื่องจากต้นและใบจะมีกลิ่นคาวรุนแรงคล้ายคาวปลา ซึ่งส่วนใหญ่นิยมนำใบมาเป็นเครื่องเคียงอาหารสดๆ เช่น ลาบ ซ่า ก้อย ซกเล็ก เป็นต้น ซึ่งคนโบราณเชื่อว่าอาหารสดๆ เหล่านั้นจะเป็นปัจจัย ทำให้เกิดโรคมะเร็ง และตัวพลูคาวนี้จะเข้าไปช่วยสร้างความสมดุล และยับยั้งไม่ให้มะเร็งลุกลาม ถือว่าเป็นสมุนไพรที่มีสารในการต้านมะเร็ง สังเกตได้ว่าประชากรในภาคเหนือเป็น “ โรคมะเร็ง” ค่อนข้างน้อยเนื่องจากบริโภคพลูคาวเป็นประจำ 

ลักษณะแตกต่างจากพลู คือ ที่ใต้ใบของพลูคาวจะ มีสีแดงอ่อนไปจนถึงสีแดงเข้ม 

ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของพลูคาว

สมุนไพรพลูคาวเกี่ยวกับโรคมะเร็ง

โรคมะเร็งเป็นเนื้องอกชนิดร้ายแรง เกิดจากเซลล์สูญเสียคุณสมบัติที่เรียกว่า Contact Inhibition ทำให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์ก้อนใหญ่ เรียกว่า “เนื้องอก” สามารถแพร่กระจาย (Metastasis) ไปยังส่วนต่างๆของร่างกายได้ ระยะแรกมักไม่แสดงอาการเจ็บปวด เมื่อมะเร็งโตขึ้น ร่างกายจะทรุดโทรมจนถึงแก่ชีวิตได้

1. ฤทธิ์การทำลายเซลล์มะเร็ง 5 ชนิด คือ เซลล์มะเร็งปอด (HUMANLONG DADNOCARCINOMA) ,เซลล์มะเร็งรังไข่ (HUMAN OVARIAN ADENOCARCINOMA), เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้ายในสมอง (HUMAN CNS CARCINOMA),เซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ (HUMAN COLON ADENOCARCINOMA) และเซลล์มะเร็งต่อมไทรอยด์

2. ฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว (LEUKEMIC CALL LINES)

3. ฤทธิ์ในการทำลายเซลล์มะเร็งอื่นๆ

สมุนไพรพลูคาวกับไวรัส 

โรคที่เกิดจากไวรัสแบ่งเป็นการติดเชื้อ 3แบบคือ

1. โรคที่เกิดจากไวรัสที่มีอาการเฉียบพลัน เช่นไข้ทรพิษ, หัด, หัดเยอรมัน, หวัด, ตาอักเสบ เป็นต้น

2. โรคที่เกิดจากไวรัสที่มีอาการเป็นๆหายๆ เช่น เริม งูสวัด เป็นต้น

3. โรคที่เกิดจากไวรัสที่มีอาการเรื้อรัง เช่น HOV โรคพิษสุนัขบ้า เป็นต้น

สมุนไพรพลูคาวสามารถยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส POLLOVIRUS AND COXSACKIEVIRUS โรค ที่เกิดจากไวรัสในไก่ โรคหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลันและชนิดเรื้อรัง เช่นหวัด ไข้หวัดนก คางทูม ต่อมทอลซินอักเสบ และปอดอักเสบในเด็ก

สมุนไพรพลูคาวกับเชื้อรา 

รา เป็นจุลินทรีย์ชนิดหนึ่งแบ่งเป็น2กลุ่ม คือ เซลล์เดียวหรือยีสต์ UNICELLULAR FUNGI OR TEAST และเซลล์หลายเซลล์หรือโมลด์ FILAMENTOUS FUNGI OR MOLD ราเป็นสาเหตุของโรคที่เกิดกับผิวหนัง สมุนไพรพลูคาวสามารถรักษา กลาก เกลื้อน สังคัง ฮ่องกงฟุต สะเก็ดเงิน โรคปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบที่เกิดจากเชื้อรา CRYPTOCOCCUS NEOFORMANS

สมุนไพรพลูคาวกับแบคทีเรีย 

โรค ที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรียมีหลากหลายแตกต่างกัน ตามชนิดของแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของโรค และขึ้นอยู่กับบริเวณที่เกิดการติดเชื้อ สมุนไพร พลูคาวสามารถป้องกัน อาการท้องเดิน ท้องเสีย ท้องเดินปัสสาวะอักเสบ การติดเชื้อทางเดินหายใจ ฝี โรคทางเดินอาหาร โรคปริทันต์ โรคในระบบสืบพันธุ์ โรคติดเชื้อในช่องปาก สิว โรคผิวหนัง กลาก ขี้เรื้อนกวาง

สมุนไพรพลูคาวกับการอักเสบ ANTI-INFLAMMATION 

สมุนไพร พลูคาวมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดยยับยั้งการซึมผ่านเส้นเลือดฝอยของของเหลว หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ไฟไหม้น้ำร้อนลวก ปวดฟัน ขับปัสสาวะ DIUERTIC ACTIVITY

สมุนไพรพลูคาวกับภูมิคุ้มกัน 

ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันโรค หรือมีความต้านทานโรค ไม่ให้โรคหรือสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย สมุนไพรพลูคาวช่วยบำบัดอาการไอ จาม อักเสบ หอบหืด ATOPIC ECZEMA โรคหวัดเรื้อรัง โรคข้ออักเสบ รูมาตอยต์ โรคข้ออักเสบ HIV มะเร็ง ผู้ได้รับสารกดภูมิคุ้มกัน

สมุนไพรพลูคาวกับโรคอื่นๆ

เบา หวาน ตับอักเสบ ตับแข็ง ไตอักเสบ เนื้อปอดพองลม ปวดขัดเบา ลดไข้ ขจัดสารพิษ เยื่อบุจมูกอักเสบ โรคผิวหนังโรคติดเชื้อต่าง ต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ ต้านการจับตัวของเกร็ดเลือด โพรงจมูกอักเสบ ควบคุมระบบการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้เร็วขึ้น

จากการวิจัย 

คณะแพทย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยขอนแก่น พลูคาว ได้วิจัยและทดลองผลิตเป็นยาน้ำสมุนไพรบำรุงร่างกาย โดยผ่านกรรมวิธีการหมักและผสมผสานระหว่างศาสตร์ซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิม กับเทคโนโลยีชีวภาพ (NanoTechnology) ใช้สมุนไพรพลูคาวเป็นสารตั้งต้น

ขณะ เดียวกันคณะนักวิจัยยังได้ทราบข้อเท็จจริงว่า สีแดงที่อยู่ใต้ใบพลูคาวเป็นตัวชี้วัดว่ามีเภสัชสาร ซึ่งเป็นสารเฮลตีแบคทีเรีย มีจุลินทรีย์และแลคโตบาซิลลัสสายพันธุ์หนึ่ง ที่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายของมนุษย์ให้ทำงานได้ดีขึ้น ทั้งยังสามารถไปยับยั้งการเจริญเติบโตและต้านทานเนื้องอก (Anti-tumor) และช่วยต้านอนุมูลอิสระในร่างกายได้ค่อนข้างดี

หลัง จากที่สกัดเป็นยาน้ำ และผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการจริยธรรมแล้ว ได้นำยามาทดลองในผู้ป่วยมะเร็ง 5 ชนิด คือ มะเร็งปอด มะเร็งต่อมไทรอยด์ มะเร็งปากมดลูก เนื้องอกบริเวณสมอง และเนื้องอกของ Soft tissue sarcoma โดยให้ผู้ป่วยดื่มบำรุงร่างกาย และใช้ร่วมกับการรักษาของคณะแพทย์โดยการฉายรังสี ปรากฏว่า สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายผู้ป่วยมะเร็งได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาได้มากขึ้นทำให้อาการของผู้ป่วยดี ขึ้นและยืดอายุของผู้ป่วยได้นานขึ้นด้วย ซึ่งดีกว่าการรักษาด้วยการฉายรังสีเพียงอย่างเดียว

พลูคาว จะนำมาต้มโดยให้ผู้ป่วยดื่มบำรุงร่างกาย และใช้ร่วมกับการรักษาของคณะแพทย์โดยการฉายรังสี ปรากฏว่า สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายผู้ป่วยมะเร็งได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาได้มากขึ้นทำให้อาทีมนักวิชาการจาก มหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงนำเอาศาสตร์พื้นบ้านนี้มาเป็นพื้นฐาน ด้วยการนำพลูคาวมาสกัดเป็นตัวยาหลักนำไปช่วยในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง... โดยมี “กระชายแดง” และสมุนไพรอื่นๆอีกเป็นส่วนผสม... ผลปรากฏว่าสามารถยื้อชีวิตผู้ป่วยโรคมะเร็งไว้ได้... หลังอยู่ในสภาพที่สิ้นความหวังไปแล้ว

ผศ.ดร.วิจิตร เกิดผล จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หนึ่งในคณะนักวิจัย เปิดเผยว่า... หลังจากที่มีการศึกษาวิจัย เกี่ยวกับการนำสมุนไพร พลูคาวมาเป็นสารตั้งต้นในการผลิต และผลิตเป็นยาน้ำสมุนไพรบำรุงร่างกาย ใช้กรรมวิธีการหมักและผสมผสาน ระหว่างภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทย กับนาโนเทคโนโลยี NanoTechnology...ล่าสุดทีมวิจัยยังนำเอาเห็ดหลินจือ เข้ามาเป็นยาร่วม ดำเนินการผลิต ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์น้ำสมุนไพรไทย เพื่อสุขภาพ ที่ชื่อ Vilac Plus...!!! เมื่อทดลองให้ผู้ป่วยมะเร็งดื่มยาน้ำสมุนไพรไทยอย่างต่อเนื่องแล้ว พบว่าสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายผู้ป่วยได้สูงขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในรักษาได้มากขึ้น เมื่อใช้ร่วมกับการรักษาด้วยวิธีรังสีรักษา ส่งผลให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นและยืดอายุของผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลามได้นานขึ้น ในการนี้มหาวิทยาลัยขอนแก่น ยังได้จัดทำโครงการวิจัยเรื่อง “การทดสอบฤทธิ์ความเป็นพิษของ Vilac Plus ต่อเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย (Leukemia)” ขณะเดียวกันยังจะศึกษาวิจัยในผู้ป่วย “ธาลัสซีเมีย” ควบคู่ไปด้วยใช้ระยะเวลาดำเนินการวิจัยประมาณ 2 ปี 

ทางด้าน นายสุริยา วิจิตรโชติ นักวิจัยภาคเอกชน ได้ทำการวิจัยและผลิตน้ำสมุนไพรไทย เพื่อสุขภาพจากพลูคาวนี้ขึ้นมา บอกว่า...เพื่อผลงานวิจัยชิ้นนี้ ได้ประสบความสำเร็จจึงตัดสินใจมอบ Vilac Plus (ชื่อน้ำสมุนไพรจากพลูคาว) ให้กับทีมวิจัยในภาคราชการ เพื่อใช้ทำการวิจัยเฉลี่ยเดือนละ 4,000 ขวด เป็นระยะเวลา 3 ปี...เป็นการให้เปล่าหรือเรียกว่าฟรี...!!! 
การของผู้ป่วยดี ขึ้นและยืดอายุของผู้ป่วยได้นานขึ้นด้วย ซึ่งดีกว่าการรักษาด้วยการฉายรังสีเพียงอย่างเดียว

ขอขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.learners.in.th/blogs/posts/337240

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

***สารพัดวิธี เลิกบุหรี่ ดีแน่นอน***

***สารพัดวิธี เลิกบุหรี่ ดีแน่นอน***



ทุกคนต่างรู้ถึงโทษของการสูบบุหรี่กันดีอยู่แล้วว่ามีอันตรายแค่ไหน แต่ก็ไม่รู้ทำไมหลายคนยังเลือกที่จะสูบบุหรี่กันอยู่ สารประกอบในบุหรี่นั้นมีมากมายหลายพันชนิด โดยเฉพาะตัวฉกาจอย่างนิโคติน ที่มีผลต่อโรคเส้นเลือดหัวใจ ซึ่งเป็นโรคฮิตติดอับดับในคนสูบบุหรี่ สารนิโคติน มีผลทำให้หัวใจขาดเลือด หลอดเลือดหัวใจตีบ รวมไปถึงโรคหลอดเลือดสมอง  ทาร์ เป็นสารประกอบที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้มากมาย
หากเปรียบเทียบผู้หญิงที่สูบบุหรี่มีโอกาสเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจได้มากกว่า ผู้หญิงที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 6 เท่า สำหรับผู้ชายที่สูบบุหรี่มีโอกาสเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจ ได้มากกว่าผู้ชายที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 3 เท่า และในคนที่สูบบุหรี่ มีโอกาสในการเพิ่มอัตราการเป็นโรคมะเร็งปอด ได้มากกว่าคนทั่วไป 10-30 เท่า จำนวนประชากรกว่าแสนคนต่อปี ต้องเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ “เรามาเลิกสูบบุหรี่กันเถอะ”
การเลิกสูบบุหรี่ไม่ใช่เรื่องยาก คุณสามารถทำได้หากตั้งใจจริง ไอเกิล ได้รับเกียรติจาก พ.ญ.ญาดา หลุยเจริญ แพทย์อายุรกรรม โรคระบบทางเดินหายใจและภาวะวิกฤต โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท มาให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการเลิกสูบบุหรี่กันค่ะ
เหตุผลดีๆ ของการเลิกสูบบุหรี่ หากคุณเลิกสูบบุหรี่แน่นอนว่าสุขภาพของคุณจะดีขึ้น ปอดสะอาดปราศจากควันพิษ หายใจโล่งขึ้น ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรค ไม่แก่ก่อนวัย นอกจากเป็นผลดีต่อตัวคุณเองแล้ว ยังเป็นผลดีต่อคนรอบข้าง จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า ผู้ที่อยู่รอบกายคนที่สูบบุหรี่ มีโอกาสเป็นโรคมะเร็งได้เท่าๆ กับคนที่สูบเองไม่แตกต่างกันเลย เพราะฉะนั้นหยุดทำร้ายตัวเอง และคนรอบข้างซะตั้งแต่วันนี้เลยค่ะ
คุณหมอกล่าวว่า “การเลิกสูบบุหรี่ให้ประสบความสำเร็จนั้น สำคัญที่จิตใจ เพราะสารเสพติดอย่างนิโคติน ส่งผลให้เสพติดทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เมื่อคุณสูบบุหรี่เข้าไป สารนิโคตินจะไปสั่งการที่สมองทำให้เราคิดว่า ต้องสูบ ต้องสูบ แต่หากคุณมีความตั้งมั่น ใจแข็ง สั่งการสมองของคุณว่า ไม่สูบ ไม่สูบ หมอเชื่อว่าทุกคนต้องสามารถเลิกสูบบุหรี่ได้อย่างแน่นอน”
เลิกบุหรี่ได้ด้วยตัวเอง
คุณหมอแนะนำว่า หากต้องการเลิกสูบบุหรี่ ให้ใช้วิธีงดอย่างเด็ดขาด ไม่ควรใช้วิธีลดจำนวน เช่น จากเคยสูบวันละ 2 ซอง เป็นวันละซอง เพราะนั่นเป็นการจัดสรรการสูบ มากกว่าจะตั้งใจเลิกสูบจริงๆ หากต้องการเลิกสูบบุหรี่ควรปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้
  1. ตั้งเป้าหมายว่าจะหยุดบุหรี่วันไหน กำหนดวันที่คุณตั้งใจจะเลิกสูบบุหรี่ อาจเป็นวันเกิดของคุณเองหรือคนที่คุณรัก หากไม่รู้จะกำหนดวันไหน เลือกเป็นวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ก็ได้นะคะ เนื่องจากเป็นวันงดสูบบุหรี่ของโลกด้วย
  2. ทิ้งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ ทั้งไฟแช็ก ที่เขี่ย ไม่ว่าในบ้านหรือในรถ ทิ้งให้หมดอย่าให้เหลือ
  3. หาวิธีช่วยลดโอกาสในการสูบบุหรี่ เช่น ไปดูหนัง หรือเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า ออกไปในที่ที่ห้ามสูบบุหรี่
  4. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง เช่น งดสังสรรค์ งดปาร์ตี้ เพราะในงานปาร์ตี้มักมีการดื่มแอลกอฮอล์ จะทำให้ความยับยั้งชั่งใจน้อยลง
  5. จากเคยทานข้าวแล้วต้องสูบบุหรี่ หากเปลี่ยนมานั่งเฉยๆ ก็อาจทำใจลำบาก หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว อาจออกจากบ้านเพื่อไปทำกิจกรรมอื่นๆ จะได้ลืมเรื่องการสูบบุหรี่
  6. บางคนติดการคีบบุหรี่ไว้ในมือ ควรหาลูกยางมาบีบแทน
  7. ในช่วงแรกที่งดสูบบุหรี่ ร่างกายจะขาดสารนิโคติน อาจทำให้หงุดหงิด ฉุนเฉียว อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย ปากคอแห้ง ควรดื่มน้ำมากๆ  และหากิจกรรมต่างๆ ทำ เช่น ออกกำลังกาย อย่าปล่อยให้ตัวเองอยู่เฉยๆ
  8. หากมีอาการอยากสูบ พยายามยื้อเวลาให้นานที่สุด หายใจเข้าปอดลึกๆ ดื่มน้ำให้มากๆ
  9. เมื่อเลิกสูบบุหรี่แล้ว ไม่ควรสูบอีกเลย แม้แต่อึกเดียว
ให้แพทย์เป็นตัวช่วยในการเลิกสูบบุหรี่
บางคนพยายามเลิกสูบบุหรี่หลายครั้งหลายครา แต่ไม่สำเร็จ  ส่วนหนึ่งอาจเพราะสูบมาเป็นระยะเวลานาน และสูบเป็นจำนวนมาก เกินวันละ 10 มวนขึ้นไป ทำให้ร่างกายติดสารนิโคตินอย่างหนัก จึงทำให้เลิกได้ยาก แพทย์อาจพิจารณาในการให้ยาหรือสารนิโคติน ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มสารทดแทนนิโคติน เช่น หมากฝรั่งนิโคติน แผ่นแปะนิโคติน หรือสเปรย์นิโคติน  และกลุ่มยาที่ไม่ใช้สารนิโคติน แพทย์จะต้องพิจารณาเป็นรายบุคคลไป ซึ่งดูจากหลายส่วนประกอบกัน โดยจะต้องดูจากโรคประจำตัวของคนไข้เป็นหลัก เพราะบางโรค ไม่อาจใช้ยาบางกลุ่มได้
บุหรี่ไฟฟ้าช่วยได้จริงหรือ
ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่รับรองว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะสามารถช่วยให้คนเลิกสูบบุหรี่ได้ และในความเป็นจริงการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ใช่วิธีการเลิกสูบบุหรี่ อย่างที่คนสูบพยายามยกมาเป็นข้ออ้าง แต่การสูบบุหรี่ไฟฟ้า คือ การเปลี่ยนรูปแบบการสูบ จากบุหรี่ที่เป็นยาสูบ มาเป็นบุหรี่ที่เป็นแบตเตอรี่ เท่านั้นเอง เพียงแต่ในบุหรี่ไฟฟ้า อาจจะไม่มีสารประกอบมากมายเหมือนในบุหรี่ธรรมดา เช่น ทาร์ หรือน้ำมันดิบ แต่ก็ยังมีนิโคติน ซึ่งเป็นสารเสพติดอยู่ดี ดังนั้น การสูบบุหรี่ไฟฟ้า ก็เป็นการเสพติดทั้งด้านร่างกายและจิตใจเหมือนกับการสูบบุหรี่ธรรมดา
นอกจากนี้ในบุหรี่ไฟฟ้าแต่ละยี่ห้ออาจมีการใส่สารนิโคตินไม่เท่ากัน ซึ่งผู้สูบไม่สามารถรู้ หรือสามารถปรับลดเองได้ เพราะไม่มีผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแล อาจยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมากยิ่งขึ้นไปอีก หากจะเลือกการสูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้วล่ะก็ เปลี่ยนเป็นเข้ามาปรึกษาแพทย์ดีกว่านะคะ เพราะแพทย์สามารถควบคุม ปรับลดปริมาณที่ร่างกายต้องการสารนิโคตินให้สอดคล้องกับร่างกายของผู้ป่วยแต่ละรายไป และแพทย์จะค่อยๆ ลดปริมาณลง จนไม่ต้องให้สารนิโคตินอีกต่อไป
ทำไมเลิกสูบบุหรี่แล้วจึงอ้วน
ผู้ที่เลิกสูบบุหรี่ อาจมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ แต่ไม่มากและไม่ใช่ทุกคน โดยเฉลี่ยน้ำหนักอาจเพิ่มขึ้นประมาณ 2-3 กิโลกรัม เนื่องจากสารนิโคตินในบุหรี่ไปกระตุ้นศูนย์อิ่มในสมอง ทำให้ไม่รู้สึกหิว และเมื่อขาดสารนิโคติน ร่างกายก็ต้องการอาหารอื่นมาทดแทน ประกอบกับสารนิโคตินมีผลต่อการเผาผลาญพลังงาน เมื่อคุณเลิกสูบบุหรี่ ร่างกายกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ต่อมรับรสทำงานดีขึ้น จึงทำให้คุณทานอาหารได้อร่อยและทานได้มากขึ้น จึงอาจส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นในช่วงแรกที่หยุดสูบบุหรี่นั่นเอง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ควรงดทานของหวาน ลดแป้งและน้ำตาล ทานผักผลไม้ ออกกำลังกาย และดื่มน้ำให้มากๆ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเลิกบุหรี่ได้อย่างไร้กังวลค่ะ
คุณหมอขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่ตั้งใจจะเลิกสูบบุหรี่กันด้วยนะคะ “อย่างที่หมอได้บอกไปแล้วว่าการเลิกสูบบุหรี่ สามารถทำได้แน่ถ้าคุณตั้งใจ ตามสถิติแล้วจำนวน 9 ใน 10 คน สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้ด้วยตัวเอง นั่นหมายถึง 90% ที่ประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องเดินเข้ามาหาหมอ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่คุณจะทำ หมอขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านค่ะ” แต่ใครที่พยายามเลิกแล้วยังเลิกไม่ได้ก็ลองเข้ามาปรึกษากับคุณหมอกันได้นะคะ คุณหมอบอกว่ายินดีและพร้อมให้คำปรึกษา เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนค่ะ
ประวัติคุณหมอ
คุณหมอคนเก่งของ ไอเกิล ฉบับนี้คือ พ.ญ.ญาดา หลุยเจริญ แพทย์อายุรกรรม โรคระบบทางเดินหายใจและภาวะวิกฤตศูนย์ระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท
คุณหมอจบแพทยศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 1 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปี พ.ศ.2545 ได้รับวุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขาอายุรศาสตร์ทั่วไป เมื่อปี พ.ศ. 2551 และวุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขาโรคระบบหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบหายใจ เมื่อปี พ.ศ. 2553
คุณหมอมีเรื่องราวที่ประทับใจของคนไข้รายหนึ่งอยากเล่าให้ฟัง คนไข้ผู้ชายคนนี้ได้เข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อต้องการเลิกสูบบุหรี่ เพราะได้พยายามเลิกด้วยตัวเองมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่สำเร็จ คุณหมอก็ช่วยดูแลให้ แต่อยู่มาวันหนึ่งคุณคนนี้ก็เดินลงมาพบกับคุณหมอ แล้วก็บอกกับคุณหมอว่า “คุณหมอครับ วันนี้ผมเลิกสูบบุหรี่ได้แล้วครับ ลูกของผมเพิ่งคลอดวันนี้เอง ผมจะทำเพื่อลูก” โดยที่คุณหมอไม่ต้องให้ยาในการช่วยเลิกบุหรี่เลย คุณหมอเพียงแต่ให้กำลังใจ และให้คำปรึกษาอย่างที่ได้กล่าวไว้แล้ว
นี่แหละค่ะ คือบทพิสูจน์ของคำว่า “ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ” เราต้องทำได้ถ้าใจสู้  คุณหมอพร้อมให้คำปรึกษาและเป็นกำลังใจให้ทุกท่านค่ะ
Ways to Quit Smoking
Everyone knows the danger of smoking cigarettes, but there are still so many people who choose to continue doing so.  Cigarettes contain thousands of harmful chemicals.  Nicotine is the main villain that causes cardiovascular disease, the chart-topping disease in smokers.  Nicotine decreases blood flow and constricts our vascular system.  So it will also cause cerebral vascular disease, too.  Another composite of cigarette is tar, a substance that can cause cancer.
Women who smoke are six times more likely to develop cardiovascular disease than non-smoking women.  As for smoking men, the risk is three times higher.  And if we think about cancer, smokers have 10 – 30 times higher chance of developing cancer than non-smokers.  Over a hundred thousand Thais lost their lives annually due to cigarette smoking.  Isn’t it time to quit yet?
Quitting cigarettes is not a hard thing.  Anyone can do it if they really want to.  Just ask Dr. Yada Louischaroen, specialist in pulmonary and critical care medicine.  The best reason to quit is for your own health, if not for anything else.  Clean air to clear the lungs will make it easier to breath and decrease the risk of many diseases and premature aging.  It also benefits people around you.  Second-hand smokers have the same risk of cancer as smokers themselves.  So quit today for yourself and your loved ones.
Dr. Yada shares that will-power is the key to kick the habit.  Nicotine is an addictive drug that affects both the body and mind.  “It will tell our brain to think that we need to take a puff.  If you have the will-power and strong mind to tell your brain to stop, I’m sure that everyone can do it,” Dr. Yada encourages.
DIY Kick the Habit
Dr. Yada recommends that if you want to quit smoking, you should do it cold-turkey.  Do not reduce the amount of consumption.  According to her, that is just management more than will-power to quit.  Here are her tips:
  1. Set a goal on a deadline, such as your birthday, a special occasion, etc.  If you can’t choose, try May 31st, the World No Tobacco Day.
  2. Throw every related item away:  ashtrays, lighters from the house or the car.  Don’t leave a trace.
  3. Reduce the chance of smoking by going to a movie or the mall, any place that will not allow smoking.
  4. Change your habits, such as stop partying and socializing.  Parties are full of alcohol and they will diminish self-discipline.
  5. Try breaking old habits.  If you are used to smoking after a meal, then try doing some other activity that will take your mind away from it.
  6. Hold a ball in your hand instead of a bud.
  7. You may be affected by mood swings at first due to the lack of nicotine.  Drink plenty of water and exercise to take off the edge.
  8. If you have the urge for a smoke, try breathing in deeply and drink lots of water.
  9. If you can quit, you will never want to do it again.
 Physician-Assisted Quitting
          Some people have tried to quit many times unsuccessfully.  It could be that they have been smoking for a long time and more than 10 cigarettes per day.  The body is heavily addicted to nicotine and quitting is very difficult.  A doctor can help in such cases by prescribing one of two things.  He may consider nicotine substitute, such as nicotine gum, patch or spray or non-nicotine drugs.  Medical history is important for individualized treatment plan to avoid adverse effects in some patients.
What about Electronic Cigarettes?
At present, there is no clinical proof that electronic cigarettes will help smokers quit.  In reality, electronic cigarettes are not therapy, but a transition from smoking real cigarettes to battery-operated cigarettes.  It may not contain all the composition of a regular cigarette, such as tar, but it still contains nicotine just the same and is as addictive as the real thing.
The nicotine content may not be the same in all brand.  So, unsuspecting smokers may increase their nicotine intake after all.  A physician is more qualified to monitor and modulate the amount of nicotine.  He can effectively decrease the amount of nicotine to help patients become independent on the substance.
Why do we gain weight after we quit?
Although the average weight gain is 2 – 3 kg, not all ex-smokers experience it.  Nicotine will stimulate the brain and tell it to not feel hungry.  When that signal is missing, the body finds food as replacement.  Nicotine also increases energy consumption so that when a person quits smoking and the body returns to its normal stage, he/she may experience craving.  Also, the tastes buds are not free to enjoy the senses.  It is best to reduce carbohydrates and sugar intake.  Eat more fruits and vegetable, while take up exercise.  Drink plenty of water, too.
Dr. Yada encourages everyone to kick the habit.  “Statistics showed that 9 of 10 smokers can quit by themselves.  With a 90% success rate, you don’t need to visit a doctor.  It’s not that difficult.”  But if anyone has already tried and failed to kick the buds, Dr. Yada will be happy to offer her advice to help get it done.

ขอขอบคุณข้อมูล ที่มา : http://www.aiglemag.com

***5 โรคอันตรายของผู้หญิง***

***5 โรคอันตรายของผู้หญิง***
คำพูดที่ว่า “เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก” นั้นมันไม่ผิดเลยจริงๆ มีเรื่องราวมากมายให้ต้องคิดให้ต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลความเป็นอยู่ของครอบครัวแล้ว บางคนยังมีเรื่องการงานที่ต้องทำอีกด้วย ยิ่งถ้าเป็นหญิงเก่งด้วยแล้ว ต้องเหนื่อยเป็นพิเศษกว่าเดิม
แต่ไม่ว่าจะเก่งกาจอย่างไรถ้าไม่ดูแลตัวเองให้ดีๆ ก็อาจลำบากมากกว่าเดิมได้นะครับ เพราะฉะนั้นควรดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองให้ดี หมอหมีมีข้อแนะนำมาฝากคุณผู้หญิงนะครับ
ตามสถิติทั่วโลกแล้ว โรคอันตรายที่ผู้หญิงควรระวังนั้นมี 5 โรคด้วยกัน คือ โรคหัวใจ มะเร็งเต้านม กระดูกพรุน โรคซึมเศร้า และโรคภูมิคุ้มกัน Autoimmune
ลองมาดูกันว่าแต่ละโรคมีความเสี่ยงจากอะไรและสามารถป้องกันได้อย่างไรนะครับ


โรคหัวใจ
โรคหัวใจเป็นสาเหตุการตายของทั้งผู้ชายและผู้หญิงเป็นอันดับต้นๆ ในผู้หญิง โรคหัวใจเป็นสาเหตุการตายสูงถึง 29% ที่สำคัญคือ เป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรและอาจทำให้ทุพพลภาพได้ หรือทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลงได้ ส่วนใหญ่แล้วโรคหัวใจจะพบในผู้ชายได้มากกว่า แต่ที่น่าสนใจคือ ผู้หญิงที่เป็นโรคหัวใจ ไม่ได้รับการตรวจรักษา หรือได้รับการตรวจวินิจฉัยช้ากว่าที่ควร อาการของโรคหัวใจในผู้หญิง อาจจะไม่ใช่แค่อาการเจ็บหน้าอก แต่บางคนมาด้วย อาการปวดที่บริเวณขากรรไกร ปวดที่บริเวณหัวไหล่ หรือมีคลื่นไส้ อาเจียน เหนื่อย ซึ่งทำให้ไม่คิดว่าเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ
ปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจได้แก่
• อายุที่มากขึ้น
• เพศชาย (มักจะเกิดโรคหัวใจในช่วงอายุที่น้อยกว่า)
• พันธุกรรม
• สูบบุหรี่
• คอเลสเตอรอลในเลือดสูง
• ความดันโลหิตสูง
• ไม่ค่อยออกกำลังกาย
• นํ้าหนักเกินมาตรฐาน
• เป็นโรคเบาหวาน
จากปัจจัยเสี่ยงที่พบ อาจแบ่งออกเป็นปัจจัยที่ควบคุมได้ และปัจจัยที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นจึงควรแก้ไขในส่วนที่จัดการได้ เช่น การออกกำลังกาย การควบคุมนํ้าหนัก งดสูบบุหรี่ ควบคุมระดับไขมันในเลือด ซึ่งจะทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดสมองได้
มะเร็งเต้านม
มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้หญิง และถ้าพิจารณาจากสาเหตุการตายจากมะเร็งในผู้หญิง มะเร็งเต้านมเป็นสาเหตุการตายอันดับสองรองจากมะเร็งปอด บางครั้งความวิตกกังวลว่าจะพบมะเร็งเต้านม ทำให้ผู้หญิงหลายๆ คนไม่กล้าไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจ หรือเมื่อพบว่าเป็นแล้วทำให้มีการตัดสินใจในการเลือกวิธีการรักษาที่อาจจะเกินกว่าข้อบ่งชี้ตามมาตรฐาน หรืออาจจะไม่จำเป็น
ปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านมได้แก่
• อายุที่มากขึ้น
• พันธุกรรม เกือบ 5% ถึง 10% ของมะเร็งเต้านมสัมพันธ์กับความผิดปกติของยีน ที่รู้จักกันดีคือ ยีนที่มีชื่อว่า BRCA1 และ BRCA2 genes
• ประวัติในครอบครัวมีผู้ที่เป็นมะเร็งเต้านม
• เคยเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อน
• เคยมีประวัติการตัดเชื้อเต้านมผิดปกติ
•1เคยมีประวัติการได้รับการฉายแสงที่บริเวณหน้าอก
• เริ่มมีประจำเดือนตั้งแต่อายุน้อยกว่า 12 ปี หรือคนที่เข้าสู่วัยหมดประเดือนหลังจากอายุ 55 ปี
• หญิงที่ไม่เคยมีบุตร
• เคยได้รับยาบางอย่างเช่น diethylstilbestrol (DES)
• ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
• อ้วน
ถึงแม้ว่าในครอบครัวของคุณไม่เคย มีประวัติเรื่องของมะเร็งเต้านมก็ไม่ได้ หมายความว่าคุณไม่ได้เสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านม ดังนั้น คุณควรพยายามควบคุมนํ้าหนัก ออกกำลังกาย งดสูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ และพบแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงและตรวจร่างกาย เพื่อที่จะเลือกการตรวจคัดกรองที่เหมาะสมสำหรับคุณ
โรคกระดูกพรุน
อาการหลังค่อม หลังงอ ปวดหลัง หรือการที่กระดูกหักได้ง่ายกว่าปกติ เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในผู้หญิงสูงวัย ซึ่งภาวะนี้สามารถป้องกันได้ตั้งแต่ยังสาว เนื่องจากร่างกายจะสร้างมวลกระดูกสะสมไว้ จนกระทั่งอายุประมาณ 30 ปี และเมื่อกระดูกไม่สามารถสร้างเพิ่มขึ้นได้ การรักษามวลกระดูกที่มีอยู่เป็นเรื่องที่จะต้องทำต่อเนื่องโดย การรับประทานแคลเซียมให้เพียงพอ คือประมาณ 1,000 – 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน นอกจากการรับประทานแคลเซียมให้เพียงพอแล้ว การออกกำลังกาย ชนิดที่ทำให้ร่างกายได้รับนํ้าหนัก เช่นการวิ่ง การเดินเร็ว ไม่มีคำว่าสายไปในการที่จะดูแลกระดูกให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการแตกหัก
ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน ได้แก่
• เพศหญิง
• อายุที่มากขึ้น
• โครงร่าง โครงกระดูกที่ค่อนข้างเล็ก
• คนเอเชียและคนขาวมีความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกพรุน มากกว่า
• ประวัติโรคกระดูกพรุนในครอบครัว
• การที่มีประจำเดือนไม่สมํ่าเสมอ หรือมีระดับฮอร์โมนเพศตํ่ากว่าปกติ
• การเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน
• การขาดสารอาหาร
• การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์ หรือยากันชัก
• การสูบบุหรี่
• การรับประทานแอลกอฮอล์มากเกินขนาดเมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ผู้หญิงควรเริ่มทำการตรวจความหนาแน่นกระดูก
โรคซึมเศร้า Depression
โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่พบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเกือบเท่าตัว ผู้เชี่ยวชาญแสดงความคิดเห็นว่า ผู้หญิงต้องการสายสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ในชีวิตผู้หญิงต้องการที่พึ่งพิงทางใจ ซึ่งถ้าไม่มีที่พึ่งพิงหรือคนที่คอยเป็นกำลังใจให้ ก็จะทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้บางครั้งการเปลี่ยนแปลง ของฮอร์โมน อาจจะเป็นปัจจัยกระตุ้นต่อการเกิดภาวะนี้ โดยเฉพาะหลังคลอด หรือเมื่อเข้าช่วงวัยหมดประจำเดือน
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้แก่
• เคยมีประวัติการเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน
• มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคซึมเศร้า
• มีประวัติของปัญหาโรคหัวใจ
• เจ็บป่วยเรื้อรัง
• มีปัญหาในชีวิตแต่งงาน
• เคยใช้สารเสพติด
• มีการใช้ยาบางชนิดที่กระตุ้นให้เกิดการซึมเศร้าเช่น ยากันชัก ยาลดความดัน
• มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นในชีวิต เช่น การออกจากงาน การเสียคนที่รัก
• โรคบางโรคจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคซึมเศร้าได้เช่น ไทรอยด์ หรือการขาดวิตามิน
• การที่เพิ่งผ่านการเจ็บป่วยหนักร้ายแรงหรือการผ่าตัดใหญ่
• มีประวัติการถูกทารุณในวัยเด็ก
• เป็นโรคความวิตกกังวล
• มีความผิดปกติในการรับประทานอาหาร
เพื่อที่จะลดความเสี่ยง ในการเกิดโรคซึมเศร้า ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้หากิจกรรมต่างๆ ทำ เช่น การทำงาน การเข้าสังคม การทำงานอาสา เลี้ยงสัตว์ พยายามหาเหตุผลในการที่จะลุกขึ้นทำสิ่งต่างๆ
ความผิดปกติของภูมิคุ้มกันของร่างกาย Autoimmune Diseases
Autoimmune diseases เป็นกลุ่มของโรคที่เกิดจากความผิดปกติ ของภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่ทำลายเซลล์ปกติของร่างกาย มีโรคในกลุ่มนี้มากกว่า 80 ชนิด เช่น โรค SLE โรคไทรอยด์บางชนิด เป็นต้น และที่สำคัญคือ 75% ของผู้ที่เป็นโรคกลุ่มนี้คือผู้หญิง ซึ่งโรคกลุ่มนี้ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้หญิงที่เป็นแย่ลง
สาเหตุที่ทำให้เป็นโรคในกลุ่มนี้ ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ปัจจัยในเรื่องของ พันธุกรรม ฮอร์โมน และสิ่งแวดล้อมอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องได้ และเนื่องจากไม่มีสาเหตุที่ชัดเจนที่บอกได้ ทำให้โรคในกลุ่มนี้เป็นโรคที่ป้องกันได้ยาก สิ่งที่ทำได้คือหากมีความผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกาย ควรรีบพบแพทย์ เช่น การมีผื่นผิดปกติ อาการปวดบวมของข้อ นํ้าหนักตัวที่เปลี่ยนแปลงโดยไม่ทราบสาเหตุ อาการบวม ปัสสาวะผิดปกติไป ผมร่วง ซึ่งอาการทั้งหมดนี้ เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้จากความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน ของร่างกายตัวเอง อย่าเพิกเฉยต่ออาการผิดปกติเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจเพิ่มเติม จะได้ให้การรักษาตั้งแต่ระยะแรก
ดูแลรักษาตัวเองกันให้ดีๆ นะครับสงสัยอะไรปรึกษาหมอหมีกันได้ตลอดนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูล ที่มา : http://www.aiglemag.com